ความรู้เกี่ยวกับโรค BOTULISM
             1. ลักษณะโรค - เป็นกลุ่มอาการที่เกิดจากสารพิษที่รุนแรง โดยรับประทานอาหารที่ปนเปื้อนเข้าไป ซึ่งแตกต่างจาก infant botulism ที่เชื้อจะสร้างสารพิษในลำไส้ ลักษณะอาการที่สำคัญจะเกิดกับระบบประสาทของร่างกาย ได้แก่ หนังตาตก การมองเห็นไม่ชัด หรือเห็นเป็นสองภาพ ปากแห้ง และเจ็บคอ เป็นอาการนำ อาการเหล่านี้อาจจะตามมาด้วยอาการอ่อนแรงของกล้ามเนื้อสองข้างเท่ากัน ในผู้ป่วยที่ยังรู้สติดี อาจพบอาการอาเจียนและท้องเดินในระยะแรกของโรค มักไม่มีไข้ ยกเว้นในรายที่มีการติดเชื้อแทรกซ้อน ถ้าหากไม่ได้รับการรักษาที่ถูกต้อง ประมาณ 1 ใน 3 ของผู้ป่วยจะเสียชีวิตในเวลา 3 - 7 วัน หลังจากเริ่มมีอาการ จากการหายใจล้มเหลวหรือการติดเชื้อแทรกซ้อน การรักษาด้วยการช่วยหายใจและให้สารต้านพิษโดยเฉพาะ จะช่วยลดอัตราป่วยตายในระยะที่หาย การฟื้นตัวจะค่อนข้างช้า (เป็นเดือนหรือในบางรายเป็นปี)
การวินิจฉัยกระทำได้โดยตรวจพบสารพิษเฉพาะในน้ำเหลืองหรืออุจจาระของผู้ป่วยหรือการเพาะเชื้อพบ Clostridium botulinum การตรวจพบเชื้อในอาหารที่สงสัย อาจไม่ช่วยในการวินิจฉัย เนื่องจากสปอร์ของเชื้อนี้ตรวจพบได้จากสิ่งแวดล้อม เพราะฉะนั้นการตรวจพบสารพิษจึงสำคัญกว่า
             2. เชื้อต้นเหตุ - ที่พบการระบาดในคนมักเกิดจากสารพิษ type A, B และ E อาจพบ type F และ G ได้แต่น้อย การระบาดของ type E การระบาดของ type E มักพบสาเหตุจากเนื้อปลา อาหารทะเล มักพบจากการปรุงอาหารกระป๋องที่ไม่ถูกวิธี สารพิษจะถูกทำลายด้วยความร้อน แต่การทำลายสปอร์ต้องใช้ความร้อนสูงกว่ามาก สารพิษ type E สามารถสร้างขึ้นอย่างช้า ๆ ที่อุณหภูมิต่ำกว่าตู้เย็นธรรมดา คือ ต่ำกว่า 3 องศาเซลเซียส
             3. การเกิดโรค - พบได้ทั่วโลก มักพบผู้ป่วยประปรายในครอบครัว การระบาดในชุมชนพบได้น้อยมาก ที่พบมักเกิดจากอาหารกระป๋องที่กระป๋องอยู่ในสภาพไม่สมบูรณ์
             4. แหล่งรังโรค - ดิน ลำไส้ของสัตว์ รวมทั้งปลา
             5. วิธีติดต่อ - รับประทานอาหารที่มีสารพิษปนอยู่ ซึ่งมักเกิดจากการอุ่นอาหารด้วยอุณหภูมิไม่เพียงพอระหว่างบรรจุกระป๋อง และรับประทานโดยไม่ได้อุ่นอีก การเกิดพิษที่พบในประเทศสหรับอเมริกา มักเกิดจากอาหารและผลไม้กระป๋องที่ทำเองในครัวเรือน พบได้บ้างจากเนื้อในประเทศญี่ปุ่น มีสาเหตุจากเนื้อปลา
             6. ระยะฟักตัว - อาการทางประสาท มักจะเริ่มปรากฎในเวลา 12 - 36 ชั่วโมง บางครั้งอาจกินเวลาหลายวัน หลังรับประทานอาหารที่มีการปนเปื้อน โดยทั่วไปยิ่งระยะฟักตัวสั้น อาการของโรคก็จะยิ่งรุนแรง และมีอัตราตายที่สูงขึ้น
             7. ระยะติดต่อ - ไม่มีความสัมพันธ์
             8. ความไวรับและความต้านทานต่อการติดเชื้อ - ส่วนใหญ่จะไวต่อสารพิษ
             9. วิธีควบคุมโรค
                  ก. มาตรการป้องกัน :
                      1) ควรมีการตรวจสอบมาตรฐาน และควบคุมการผลิตอาหารกระป๋องและอาหารสำเร็จรูป
                      2) ไม่รับประทานอาหารกระป๋องที่มีลักษณะบวม และไม่ชิมอาหารกระป๋องที่มีกลิ่น
                  ข. การควบคุมผู้ป่วย ผู้สัมผัส และสิ่งแวดล้อม
                      1) การรายงาน : รายงานผู้ป่วยที่สงสัยแก่สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดทันที
                      2) การแยกผู้ป่วย : ไม่ต้อง
                      3) การทำลายเชื้อ : อาหารที่มีการปนเปื้อน ควรทำให้ร้อนจนเดือนก่อนทิ้งไปหรือฝังดินให้ลึก เพื่อป้องกันไม่ให้สัตว์กินเข้าไป ภาชนะที่ปนเปื้อนอาจต้มหรือแช่คลอรีน เพื่อทำงานสารพิษ
                      4) การแยกผู้ต้องสงสัย : ไม่ต้อง
                      5) การให้ภูมิคุ้มกันแก่ผู้สัมผัส : ไม่ต้องในรายที่เพียงสัมผัสโดยตรง แต่ในรายที่รับประทาน ควรสวนถ่าย ล้างท้อง และสังเกตอาการอย่างใกล้ชิด การตัดสินใจให้สารต้านพิษ ควรพิจารณาอย่างรอบคอบ
                      6) การสอบสวนผู้สัมผัส : ศึกษาประวัติการรับประทานอาหารในผู้ป่วย และเก็บตัวอย่างอาหารที่สงสัย เพื่อตรวจและทำลาย
                      7) การรักษาจำเพาะ : โดยการให้ trivalent botulineal antitoxin (type A, B และ E) เข้ากล้ามหรือทางหลอดเลือดดำ โดยขอได้จากศูนย์ควบคุมโรคแห่งชาติ สหรัฐอเมริกา ได้ตลอด 24 ชั่วโมง ควรเก็บตัวอย่างน้ำเหลืองเพื่อตรวจหาชนิดของสารพิษก่อนการฉีด Antitoxin ควรย้ายผู้ป่วยไปในสถานที่รักษาที่สามารถช่วยการหายใจได้ทันที
                 ค. มาตรการในระยะระบาด : เมื่อสงสัยผู้ป่วยโรคโบทูลิสซึม แม้เพียง 1 ราย ควรสงสัยว่าอาจมีการระบาดเป็นกลุ่มได้
ควรตรวจหาอาหารกระป๋องหรืออาหารสำเร็จรูปที่ทำเองในครัวเรือน นอกจากนี้อาหารกระป๋องที่ขายในทางการค้าก็เคยพบ และมีความสำคัญมากในทางสาธารณสุข หลังจากนั้นอาจจะสืบถามอาหารชนิดอื่นต่อไป หากการสอบสวนทางระบาดวิทยาบ่งชี้ชนิดของอาหารแล้ว อาจจะต้องมีการเรียกคืนอาหารชนิดนั้นจากท้องตลาดทันที การตรวจค้นผู้ป่วยและผู้สัมผัสจะต้องเก็บตัวอย่างน้ำเหลืองและอุจจาระ เพื่อส่งห้องปฏิบัติการกลาง ในการตรวจละเอียดต่อไป
                ง. โอกาสที่จะเกิดการระบาดใหญ่  : ไม่มี
                 จ. มาตรการระหว่างประเทศ : ผลิตภัณฑ์อาหารที่จำหน่ายในเชิงธุรกิจ อาจมีการจำหน่ายออกไปอย่างกว้างขวาง การร่วมมือระหว่างประเทศอาจจำเป็นเพื่อการเรียกเก็บและการตรวจละเอียด                                          

แหล่งข้อมูล :  สำนักระบาดวิทยา   กรมควบคุมโรค  กระทรวงสาธารณสุข  (30/05/2549)
www.epid.moph.go.th